วันเสาร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2557

การตัดไม้ทำลายป่า The doforestation

เรื่อง การตัดไม้ทำลายป่า

The doforestation


โดย

1.    นางสาวอภิญญา  บุตรจันทร์ เลขที่ 36
2.    นางสาวศุภาพิชญ์  ทองเอก เลขที่ 38
3.    นางสาววรางคณา  บุญเสริม เลขที่ 45
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่  6/10

เสนอ

คุณครูสุทธิ  วงษ์ไกร
โรงเรียนยโสธรพิทยาคม
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 28


รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาค้นคว้ารายวิชา i30202



ชื่อเรื่อง  การตัดไม้ทำลายป่า
ผู้ค้นคว้าอิสระ  1.นางสาวอภิญญา  บุตรจันทร์
                    2.นางสาวศุภาพิชญ์  ทองเอก
                    3.นางสาววรางคณา  บุญเสริม
อาจารย์ผู้ควบคุมการค้นคว้าอิสระ  นายสุทธิ  วงษ์ไกร
ปีการศึกษา  2557          

บทคัดย่อ
     การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัญหาการลักลอบตัดไม้และผลกระทบของการตัดไม้ทำลายป่าที่สำคัญในเขตจังหวัดอุบลราชธานีและในประเทศ  เพื่อใช้ในการรับมือกับภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น  โดยเก็บข้อมูลจากภาพข่าวต่างๆตามหน้าหนังสือพิมพ์ งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง การศึกษาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต รวมทั้งการสอบถามผู้รู้และผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยใช้เครื่องมือเป็น การสัมภาษณ์เชิงลึก การสัมภาษณ์เป็นการเปิดกว้างให้ผู้สัมภาษณ์ได้พูดคุยเรื่องราวต่างๆ ซึ่งเป็นการสัมภาษณ์แบบกัลยาณมิตร แล้วนำข้อมูลมาวิเคราะห์
ผลการศึกษาพบว่าปัจจุบันนี้ในประเทศไทยประสบกับปัญหาการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าเป็นอย่างมาก ซึ่งการ ลักลอบตัดไม้ทำลายป่านี้ส่วนใหญ่จะเป็นการกระทำของกลุ่มนายทุนที่ต้องการนำ พันธุ์ไม้ ที่หาได้ยากไปจำหน่ายและส่งออกนอกประเทศ อีกทั้งบางกรณียังพบว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐให้ความร่วมมือด้วย จึงยากต่อการปราบปราม  
สำหรับด้านผลกระทบนั้นเห็นได้ชัดเป็นอย่างยิ่ง โดยจะสังเกต ได้จากการที่มีปัญหาน้ำท่วมที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดอื่นๆ เกือบทั้งประเทศที่ผ่านมา ปัญหาภัยพิบัติทาง ธรรมชาติที่นับวันจะรุนแรงมากขึ้น  ซึ่งชุมชนและเจ้าหน้าที่ได้มีส่วนร่วมในการดูแลรักษาป่า และเข้าร่วมโครงการอบรมการปลูกป่าอย่างถูกวิธี โครงการปลูกป่าทดแทนเฉลิมพระเกียรติ  และโครงการปลูกป่าถาวรตามแนวพระราชดำริ  โดยมีส่วนร่วมในการจัดการป่าคือ การเข้าไปใช้ประโยชน์จากทรัพยากรป่าไม้ โดยส่วนใหญ่แล้วชุมชนจะใช้เป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร ใช้เป็นแหล่งอาหาร ใช้เป็นแหล่งเชื้อเพลิง/ทำฟืน นำไม้มาสร้างที่อยู่อาศัย นำไม้มาทำเครื่องใช้ ภายในบ้าน และเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ สำหรับแนวทางในการรักษา ทรัพยากรป่าไม้จะมีการรักษาสภาพป่าบริเวณต้นน้ำ คอยสอดส่องดูแลไม่ให้มีการลักลอบเผาป่า ทำแนวป้องกันไฟ ไม่ตัดไม้ทำลายป่า ปลูกป่าเพิ่ม และชุมชนสามารถช่วยสังคมในการรักษาทรัพยากรป่าไม้อย่างยั่งยืนโดยการประหยัดในการใช้น้ำ ไม่ใช้สารเคมีไม่ขยายพื้นที่ทำกินเข้าไปในป่าและไม่จุดไฟเผาป่า

กิตติกรรมประกาศ

     รายงาน เรื่อง การตัดไม้ทำลายป่า (The deforestation) ฉบับนี้ ได้รับการสนับสนุนจาก
นางสุภาพร  สุนทรา ผู้อำนวยการโรงเรียนยโสธรพิทยาคมและนายพิสิษฐ์ วัฒนาไชยหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ผู้จัดทำขอกราบขอบพระคุณท่านมา ณ โอกาสนี้
            ขอขอบพระคุณ นายสุทธิ   วงษ์ไกร  ครูที่ปรึกษา ที่ได้คำแนะนำ และคอยช่วยเหลือในการจัดทำรายงานจนสำเร็จลุล่วง และขอขอบคุณคณะครูทุกท่าน ที่ให้ความช่วยเหลือและคำแนะนำที่เป็นประโยชน์
            ขอขอบพระคุณบิดามารดาของคณะผู้จัดทำ ที่ให้การสนับสนุนในการศึกษาเล่าเรียน และคอยเป็นกำลังใจที่ให้เสมอมา

                                                                                คณะผู้จัดทำ




บทที่  1
บทนำ

แนวคิดที่มาและความสำคัญ

จากสถานการณ์ของการตัดไม้ทำลายป่าอย่างต่อเนื่องในอดีตในหลายพื้นที่ทั่วประเทศไทย ทำให้ป่าไม้ลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อความสมดุลทางธรรมชาติ และวิถีชีวิตของประชาชนโดยเฉพาะชาวเกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา ซึ่งเป็นประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาน้ำท่วม น้ำป่าไหลหลาก ฝนแล้ง ฝนไม่ตกตามฤดูกาล เป็นต้น

การรวมทั้งการบุกรุกพื้นที่ป่าในหลายพื้นที่ เป็นเงื่อนไขของความขัดแย้งในสังคม ระหว่างกลุ่มผู้บุกรุกและเจ้าหน้าที่ของรัฐอยู่ตลอดเวลา ซึ่งหากปัญหาต่าง ๆ ไม่ได้รับการแก้ไข ความขัดแย้งอาจจะพัฒนาไปสู่ความแตกแยกของคนในชาติได้ ทำให้ไม่เกิดความเป็นสันติภาพ

วิกฤติกาลของความสมดุลของสภาวะแวดล้อม อันเนื่องมาจากการทำลายป่าไม้อย่างไม่หยุดยั้ง จนในปี พุทธศักราช ๒๕๓๖ จากการตรวจสอบของกรมป่าไม้ พบว่าพื้นที่ป่าไม้ในประเทศเหลือเพียง ๑๓๓,๕๕๓ ตารางกิโลเมตร จากพื้นที่ประเทศไทยในปัจจุบัน ๕๑๓,๑๑๕ ตารางกิโลเมตร คิดเป็น ๒๖.๐๒ % ซึ่งถือว่าต่ำกว่ามาตรฐานของความสมดุลตามระบบนิเวศน์ของประเทศ ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดไว้ในปีพุทธศักราช ๒๕๒๘ ว่า อย่างน้อยจะต้องมีพื้นที่ป่าไม้ไม่น้อยกว่า ๔๐ % ของพื้นที่ประเทศ จึงจะสามารถรักษาสมดุลทางระบบนิเวศน์วิทยาในประเทศไทยได้ นั่นคือ พื้นที่ป่าไม้ที่มีในปัจจุบันน้อยกว่ามาตรฐานที่รัฐบาลกำหนดไว้ถึง ๑๔ % ของพื้นที่ของประเทศไทยทั้งหมด  

เราควรจะแก้ปัญหาด้วยวิธีการอื่น ๆ ด้วย เช่น การประหยัดพลังงาน การปลูกต้นไม้ การลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จะเห็นได้ว่าประชาคมโลกได้เริ่มเห็นความสำคัญของปัญหาและเริ่มหาทางแก้ไข ทว่าปัญหานี้เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบถึงกันทั่วโลก ดังนั้นประเทศต่าง ๆ จะต้องร่วมมือกันและช่วยเหลือกัน ประเทศที่ร่ำรวยควรช่วยเหลือประเทศที่ยากจน ประเทศที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีควรนำเทคโนโลยีของตนไปเผยแพร่ให้กับประเทศที่กำลังพัฒนา มีการจัดเก็บภาษีเพื่อนำไปปลูกป่า เนื่องจากบางประเทศมีเงินแต่ไม่มีพื้นที่ ในขณะที่อีกประเทศมีพื้นที่แต่ไม่มีเงิน นอกจากนี้ เรายังควรค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต จากการดำเนินชีวิตอย่างบริโภคนิยม พยายามที่จะตอบสนองความต้องการของตนเองในทุก ๆ เรื่อง มาเป็นการดำเนินชีวิตอย่างพอเพียงตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ลดความ อยากและรู้จักคำว่า พอหากเรามีความอยาก เราก็จะดิ้นรนที่จะตอบสนองความอยากของตัว ไปเบียดเบียนทรัพยากรธรรมชาติมาใช้จนธรรมชาติเสียสมดุล แต่ถ้าเรารู้จัก พอเราก็ไม่ต้องดิ้นรนไปเอาทรัพยากรธรรมชาติมาใช้จนเกินควร และสามารถอยู่กับธรรมชาติอย่างมีความสุขได้ ซึ่งกลุ่มของข้าพเจ้าได้เห็นความสำคัญในเรื่องนี้ จึงได้ทำการศึกษาขึ้นในเรื่องการตัดไม้ทำลายป่า
           
     สภาพปัญหาดังกล่าว ผู้ศึกษาจึงมีความสนใจที่จะศึกษา เรื่อง การตัดไม้ทำลายป่า ซึ่งผลการศึกษาครั้งนี้จะเป็นข้อมูลในการแก้ไขปัญหาเรื่องการตัดไม้ทำลายป่าอันจะส่งผลให้เกิดผลกระทบหลายๆอย่างเกี่ยวกับโลกของเรา เช่น สภาวะโลกร้อน น้ำป่าไหลหลาก



วัตถุประสงค์
            รายงาน เรื่อง การตัดไม้ทำลายป่า มีวัตถุประสงค์ในการศึกษาค้นคว้า ดังนี้
    1. เพื่อให้ทราบถึงสาเหตุของการตัดไม้ทำลายป่า
    2. เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบจากการทำลายป่า
    3. เพื่อให้ทุกคนมีจิตสำนึกในการรักษาสิ่งเเวดล้อม
    4. เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาการตัดไม้ทำลายป่า
    5. เพื่อรณรงค์เรื่องการปลูกต้นไม้ทดแทนป่าที่สูญเสียไป

ระยะเวลาและสถานที่ดำเนินการ

            รายงาน เรื่อง การตัดไม้ทำลายป่า ใช้ระยะเวลาในการศึกษาค้นคว้า ตั้งแต่วันที่ 20 เดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2557 ถึงวันที่ 8 เดือน กันยายน พ.ศ. 2557 สถานที่ดำเนินการ ได้แก่ บ้านพักนักเรียนและโรงเรียนยโสธรพิทยาคม

ผลที่คาดว่าจะได้รับ

1.    ได้ส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติป่าไม้ซึ่งมีอยู่ไม่มากในปัจจุบัน
2.    ศึกษาผลกระทบที่จะเกิดขึ้น เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างถูกต้องได้
3.    หวังว่าจะได้ประโยชน์จากการศึกษาในเรื่องการตัดไม้ทำลายป่าในด้านต่างๆ เช่น ภาวะโลกร้อน ฝนไม่ตกตามฤดูกาล
    




                                                                                                            


บทที่  2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง

            รายงาน เรื่อง การตัดไม้ทำลายป่า ผู้ศึกษาได้คันคว้าเอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง โดยลำดับเนื้อหาที่เป็นสาระสำคัญดังต่อไปนี้
                1.สภาพทั่วไปของการตัดไมทำลายป่า
                 2.งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
           
     1.สภาพทั่วไปของการตัดไม้ทำลายป่า
จากสถานการณ์ของการตัดไม้ทำลายป่าอย่างต่อเนื่องในอดีตในหลายพื้นที่ทั่วประเทศไทย ทำให้ป่าไม้ลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อความสมดุลทางธรรมชาติ และวิถีชีวิตของประชาชนโดยเฉพาะชาวเกษตรกร, ชาวไร่, ชาวนา ซึ่งเป็นประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาน้ำท่วม น้ำป่าไหลหลาก ฝนแล้ง ฝนไม่ตกตามฤดูกาล เป็นต้น รวมทั้งการบุกรุกพื้นที่ป่าในหลายพื้นที่ เป็นเงื่อนไขของความขัดแย้งในสังคม ระหว่างกลุ่มผู้บุกรุกและเจ้าหน้าที่ของรัฐอยู่ตลอดเวลา ซึ่งหากปัญหาต่าง ๆ ไม่ได้รับการแก้ไข ความขัดแย้งอาจจะพัฒนาไปสู่ความแตกแยกของคนในชาติได้ ทำให้ไม่เกิดความเป็นสันติภาพรวมทั้งวิกฤติกาลของความสมดุลของสภาวะแวดล้อม อันเนื่องมาจากการทำลายป่าไม้อย่างไม่หยุดยั้ง จนในปี พุทธศักราช ๒๕๓๖ จากการตรวจสอบของกรมป่าไม้ พบว่าพื้นที่ป่าไม้ในประเทศเหลือเพียง ๑๓๓,๕๕๓ ตารางกิโลเมตร จากพื้นที่ประเทศไทยในปัจจุบัน ๕๑๓,๑๑๕ ตารางกิโลเมตร คิดเป็น ๒๖.๐๒ % ซึ่งถือว่าต่ำกว่ามาตรฐานของความสมดุลตามระบบนิเวศน์ของประเทศ ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดไว้ในปีพุทธศักราช ๒๕๒๘ ว่า อย่างน้อยจะต้องมีพื้นที่ป่าไม้ไม่น้อยกว่า ๔๐ % ของพื้นที่ประเทศ จึงจะสามารถรักษาสมดุลทางระบบนิเวศวิทยาในประเทศไทยได้ นั่นคือ พื้นที่ป่าไม้ที่มีในปัจจุบันน้อยกว่ามาตรฐานที่รัฐบาลกำหนดไว้ถึง ๑๔ % ของพื้นที่ของประเทศไทยทั้งหมด  

เราควรจะแก้ปัญหาด้วยวิธีการอื่น ๆ ด้วย เช่น การประหยัดพลังงาน การปลูกต้นไม้ การลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จะเห็นได้ว่าประชาคมโลกได้เริ่มเห็นความสำคัญของปัญหาและเริ่มหาทางแก้ไข ทว่าปัญหานี้เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบถึงกันทั่วโลก ดังนั้นประเทศต่าง ๆ จะต้องร่วมมือกันและช่วยเหลือกัน ประเทศที่ร่ำรวยควรช่วยเหลือประเทศที่ยากจน ประเทศที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีควรนำเทคโนโลยีของตนไปเผยแพร่ให้กับประเทศที่กำลังพัฒนา มีการจัดเก็บภาษีเพื่อนำไปปลูกป่า เนื่องจากบางประเทศมีเงินแต่ไม่มีพื้นที่ ในขณะที่อีกประเทศมีพื้นที่แต่ไม่มีเงิน นอกจากนี้ เรายังควรค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต จากการดำเนินชีวิตอย่างบริโภคนิยม พยายามที่จะตอบสนองความต้องการของตนเองในทุก ๆ เรื่อง มาเป็นการดำเนินชีวิตอย่างพอเพียงตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ลดความ อยากและรู้จักคำว่า พอหากเรามีความอยาก เราก็จะดิ้นรนที่จะตอบสนองความอยากของตัว ไปเบียดเบียนทรัพยากรธรรมชาติมาใช้จนธรรมชาติเสียสมดุล แต่ถ้าเรารู้จัก พอเราก็ไม่ต้องดิ้นรนไปเอาทรัพยากรธรรมชาติมาใช้จนเกินควร และสามารถอยู่กับธรรมชาติอย่างมีความสุขได้


1.1สาเหตุของการสูญเสียทรัพยากรป่าไม้
     1. การทำไม้ ความต้องการไม้เพื่อทำกิจการต่าง ๆ เช่น ทำอุตสาหกรรม โรงเลื่อย โรงงานกระดาษ สร้างที่อยู่อาศัยหรือร้านค้า ทำให้ต้นไม้ถูกลอบตัดหรือตัดไม้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

     2. การเพิ่มจำนวนประชากรของประเทศ ทำให้ความต้องการจากภาคเกษตรกรรมมากขึ้น ความจำเป็นที่ต้องการขยายพื้นที่เพาะปลูกเพิ่มขึ้น พื้นที่ป่าไม้ในเขตภูเขาจึงเป็นเป้าหมายของการขยายพื้นที่เพื่อการเพาะปลูก
     3. การส่งเสริมการปลูกพืชหรือเลี้ยงสัตว์เศรษฐกิจเพื่อการส่งออก เช่น มันสำปะหลัง ปอ ฯลฯ โดยไม่ส่งเสริมการใช้ที่ดินอย่างเต็มประสิทธิภาพทั้ง ๆ ที่พื้นที่ป่าบางแห่งไม่เหมาะที่จะนำมาใช้ในการเกษตรกรรมเพาะปลูก


     4.การกำหนดแนวเขตพื้นที่ป่า กระทำไม่ชัดเจนหรือไม่กระทำเลยในหลายๆ ป่า ทำให้ราษฏรเกิดความสับสนทั้งโดยเจตนาและไม่เจตนา
     5.การจัดสร้างสาธารณูปโภคของรัฐ อาทิ เขื่อน อ่างเก็บน้ำ เส้นทางคมนาคม การสร้างเขื่อนขวางลำน้ำจะทำให้พื้นที่เก็บน้ำหน้าเขื่อนที่อุดมสมบูรณ์ถูกตัดโค่นมาใช้ประโยชน์ ส่วนต้นไม้ขนาดเล็กหรือที่ทำการย้ายออกมาไม่ทันจะถูกน้ำท่วมตาย





     6.ไฟไหม้ป่า ประเทศไทยมักเกิดไฟไหม้ป่าในฤดูร้อนเป็นประจำทุกปี เพราะในฤดูร้อนพวกวัชพืชในป่าหรือจากการผลัดใบของต้นไม้ ใบไม้จะแห้งแล้งและติดไฟง่าย


     7.การทำเหมืองแร่ แหล่งแร่ที่พบในบริเวณที่มีป่าไม้ปกคลุมอยู่ มีความจำเป็นที่จะต้องเปิดหน้าดินก่อน จึงทำให้ป่าไม้ที่ขึ้นปกคลุมถูกทำลายลง
     8.การทำลายของสัตว์ป่าและสัตว์เลี้ยง
     9.การทำลายของเชื้อโรคและแมลง ต้นไม้ในป่าเป็นจำนวนมากที่ถูกทำลายโดยเชื้อโรคและแมลง จะเกิดการเหี่ยวเฉาแคระแกร็นไม่เจริญเติบโต บางชนิดต้องสูญพันธุ์
     10.ความตระหนักและความร่วมมือของประชาชนต่อการอนุรักษ์ยังมีน้อย







   1.2 ผลกระทบของการตัดไม้ทำลายป่า

ผลกระทบจากการทำลายป่าไม้จากการที่ปริมาณป่าไม้ลดลงย่อมก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ทางกายภาพ และมีผลต่อปัจจัยทางชีวภาพ มีผลกระทบต่อ สภาพดิน น้ำ อากาศ สัตว์ป่า สิ่งแวดล้อมอื่นๆ เพราะทั้ง ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม จะมีความสัมพันธ์กันไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ในระบบนิเวศ ก่อให้เกิดสมดุลทางธรรมชาติ การทำลายป่าจึงก่อให้เกิดผลกระทบในด้านต่างๆ ดังนี้
1. เกิดการชะล้างพังทลายของดิน ป่าที่ถูกทำลายจะทำให้ไม่มีต้นไม้ วัชพืช หญ้าปกคลุมดิน เมื่อฝนตกลงมาน้ำฝนจะกัดเซาะหน้าดินที่อุดมสมบูรณ์ให้ไหลไปกับกระแสน้ำ                                                                   
 2. เกิดน้ำท่วมในฤดูฝน บริเวณป่าที่ถูกทำลายจะไม่มีต้นไม้ วัชพืช และหญ้าที่ปกคลุมหน้าดินช่วยดูดซับน้ำฝน ไว้ ทำให้น้ำไหลบ่าจากที่สูงอย่างรุนแรง และมีปริมาณมากทำให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ ตอนล่างอย่างฉับพลัน 

3. เกิดความแห้งแล้งในฤดูแล้ง การทำลายป่าไม้ ต้นน้ำลำธารทำให้ป่าไม้ถูกตัด แยกออกเป็นส่วนๆ เกิดการระเหยของน้ำจากผิว ดินสูง แต่การซึม ผ่านผิวดินต่ำ ดินดูดซับและเก็บ น้ำไว้ได้น้อย ส่งผลให้น้ำไหลลงสู่ลำธารน้อยเกิด ความแห้งแล้งในฤดู
4. เกิดปัญหาโลกร้อนขึ้น เนื่องจากป่าไม้เป็นแหล่งของการหมุนเวียนสาร ระหว่างออกซิเจน คาร์บอนไดออกไซด์ น้ำและสารอื่นๆ ในระบบนิเวศที่ สำคัญ การทำลายป่ามีส่วนทำให้เกิดการสะสมของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ในบรรยากาศเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้อุณหภูมิของโลกสูง
5. คุณภาพของน้ำเสื่อมลง เมื่อฝนตกในบริเวณป่าไม้ที่ถูกทำลายก็จะพัดพาเอาดินโคลน ตะกอนลงสู่ แหล่งน้ำทำให้น้ำขุ่นและเกิดการตื้นเขินส่งผล ให้คุณภาพน้ำทั้งทางด้าน กายภาพ ชีวภาพ และเคมีด้อยลง ไม่สามารถใช้น้ำในการอุปโภค บริโภคได้                                                                                                         

6. พืชและสัตว์ป่ามีจำนวนและชนิดลดลง ป่าไม้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของ พืชและสัตว์ป่า การตัดไม้ทำลายป่าเป็น การทำลายแหล่งอาหาร ที่อยู่อาศัย และความหลากหลายทางชีวภาพ ทำให้พืชและสัตว์ป่าหลายชนิดมีปริมาณ ลดลงจนเกือบสูญพันธ์
   1.3วิธีการแก้ไขการตัดไม้ทำลายป่า

1. ป้องกัน ควบคุมการตัดไม้ทำลายป่า
2. ขยายเขตพื้นที่ป่าสงวน ป่าอนุรักษ์ และรักษาพันธุ์สัตว์ป่า
3. ให้การศึกษาแก่ประชาชนในความสำคัญของป่าไม้ ตลอดจนวิธีการอนุรักษ์ป่าไม้
4. ส่งเสริมการปลูกป่าเพื่อทดแทนป่าที่ถูกทำลายไป
5. เร่งทำแผนอพยพชุมชนและคนออกจากพื้นที่ป่าอนุรักษ์
6. ปฏิเสธการรับรอง "สิทธิชุมชน" ในการตั้งถิ่นฐานในผืนป่า

   1.4วิธีการอนุรักษ์ป่าไม้

1.การคุ้มครองป่าไม้
2.การควบคุมการตัดไม้
3.การปลูกป่า
4.การป้องกันไฟป่าและแมลงทำลายต้นไม้
5.การใช้ไม้อย่างประหยัด ใช้วัสดุอื่นแทนไม้ หรือการนำเศษไม้กลับมาใช้ประโยชน์ใหม่
6.การปราบปรามผู้ลักลอบตัดไม้ทำลายป่า
7.การรณรงค์ปลูกจิตสำนึกให้ประชาชนเห็นความสำคัญของป่าไม้
8.มีนโยบายเปิดป่าสัมปทานการทำป่าไม้เพื่ออนุรักษ์ป่า
                                                 
      2.งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
   2.1 งานวิจัยของ นางสาวอรสา อาจศัตรู โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 27 จังหวัดหนองคาย เรื่อง การอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้
            เกี่ยวข้องคือ ในปัจจุบันเทคโนโลยีได้ทำให้โลกมีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็วทั้งด้านอุตสาหกรรมและเกษตรกรรมซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้มนุษย์ได้นำทรัพยากรป่าไม้ที่มีอยู่อย่างจำกัดมาใช้เพื่อสนองความต้องการของแต่ละบุคคล จนทำให้ปริมาณทรัพยากรป่าไม้ลดลงอย่างมากเกิดเป็นปัญหาที่หลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนต่างช่วยกันแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะทรัพยากรป่าไม้ถือเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่สำคัญ เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า การที่ป่าไม้ลดลงทำให้เกิดผลกระทบต่อสภาพบรรยากาศ  มลพิษทางอากาศจึงมากขึ้น ซึ่งปัญหาที่ส่งผลมากในขณะนี้คือ ปัญหาภาวะโลกร้อน  ทุกปัญหาที่เกิดล้วนเกิดจากการกระทำของมนุษย์  ดังนั้นมนุษย์ก็ควรจะแก้ปัญหา และฟื้นฟูสภาพป่าไม้ที่เสื่อมโทรมให้ดีขึ้น ถือเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติที่มั่นคงและยั่งยืนเกิดเป็นประโยชน์สูงสุดให้กับตนเองและบุคคลอื่น










บทที่ 3
                                   วิธีการดำเนินการ               

   รายงาน เรื่อง การตัดไม้ทำลายป่า  ผู้ศึกษาได้ดำเนินการ ดังนี้

วิธีดำเนินการ

   รายงาน เรื่อง การตัดไม้ทำลายป่า มีวิธีดำเนินการศึกษาค้นคว้า ดังนี้
     1.ตั้งประเด็นชื่อเรื่องที่ค้นคว้าวิจัย
     2.สำรวจแหล่งความรู้
     3.วางโครงเรื่อง
     4.สืบค้นข้อมูลจากหนังสือวิทยาศาสตร์ทั่วไป และสืบค้นจากอินเทอร์เน็ต
     5.รวบรวมและจดบันทึกข้อมูล
     6.เรียบเรียงและจัดทำรายงานฉบับร่าง
     7.นำส่งอาจารย์ประจำวิชาเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยและความถูกต้อง
     8.ปรับปรุงแก้ไขให้เรียบร้อย และจัดทำเป็นรูปเล่มที่สมบูรณ์

1.ตั้งประเด็นชื่อเรื่องที่ค้นคว้าวิจัย

   ตั้งชื่อเรื่องให้น่าสนใจ  น่าศึกษา และเป็นเรื่องที่เข้ากับเหตุการณ์ปัจจุบัน                   

2.สำรวจแหล่งความรู้

   1.ปัญหาการตัดไม้ทำลายป่า
   2.การขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติ
   3.ผลกระทบการเกิดภาวะโลกร้อน
     สำรวจหาว่ามีแหล่งความรู้ใดบ้างที่จะสามารถให้ข้อมูลในการค้นคว้าวิจัยเรื่องนี้  ซึ่งจากการสำรวจก็ได้แหล่งข้อมูล คือ ห้องสมุด  และอินเทอร์เน็ต




3.วางโครงเรื่อง        

     จัดวางโครงเรื่องตามวัตถุประสงค์ในการจัดทำ  ได้แก่
     1.ปัญหาการตัดไม้ทำลายป่า
     2.การขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติ
     3.ผลกระทบการเกิดภาวะโลกร้อน

4.สืบค้นข้อมูลจากหนังสือวิทยาศาสตร์ทั่วไป และสืบค้นจากอินเทอร์เน็ต 

   สืบค้นข้อมูลตามแหล่งข้อมูลข้างต้น  ให้ครบทุกเนื้อหาสำคัญ ได้แก่
     1. ความหมายของทรัพยากรธรรมชาติ
     2. ประเภทของทรัพยากรธรรมชาติ
     3. ปัจจัยที่ทำให้เกิดทรัพยากรป่าไม้
     4. การอนุรักษ์ทรัพยากร

5.รวบรวมและจดบันทึกข้อมูล

   เมื่อสืบค้นเนื้อหาเรียบร้อยแล้ว  จากนั้นก็รวบรวมเนื้อหาและบันทึกข้อมูลที่ได้ศึกษาค้นคว้ามา

6.เรียบเรียงและจัดทำรายงานฉบับร่าง

   เรียบเรียงเนื้อหาทั้งหมดเข้าด้วยกันและจัดทำเป็นรายงานฉบับร่าง จากนั้นนำไปส่งอาจารย์ประจำ
วิชาเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยและความถูกต้อง

7.นำส่งอาจารย์ประจำวิชาเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยและความถูกต้อง

   ขั้นตอนนี้  อาจารย์ประจำวิชาจะได้ตรวจความเรียบร้อยและความถูกต้อง  เมื่อมีข้อผิดพลาดอาจารย์ จะให้นำมาแก้ไขใหม่

8.ปรับปรุงแก้ไขให้เรียบร้อย และจัดทำเป็นรูปเล่มที่สมบูรณ์
   นำมาปรับปรุงแก้ไขตามที่อาจารย์ให้คำแนะนำ  และจัดทำเป็นรูปเล่มที่สมบูรณ์


    บทที่ 4 

                                           ผลการดำเนินการ                                                          

     รายงาน เรื่อง การตัดไม้ทำลายป่า ผู้ศึกษาได้นำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลและการแปรผลที่ได้จากการรวิเคราะห์มีผลการดำเนินการ ดังนี้

ผลการดำเนินการ
            ตามวัตถุประสงค์ที่ได้ตั้งไว้
              1.ปัญหาการตัดไม้ทำลายป่า
              2.การขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติ
              3.ผลกระทบการเกิดภาวะโลกร้อน
              
ทำให้ได้ผลการศึกษาค้นคว้าตามวัตถุประสงค์ดังกล่าว  ดังนี้
1.   ในปัจจุบันได้มีการลักรอบตัดไม้ทำลายป่ามากขึ้นเพื่อในเรื่องของเศรษฐกิจ นำไปใช่เป็นวัสดุอุปกรณ์ต่างๆภายในบ้าน เป็นต้นจึงทำให้เกิดการมีน้ำป่าไหลหลากและอาจจะส่งผลให้เกิดภาวะโลกร้อนขึ้นได้
2.   ได้ทราบปัญหาจากการขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติ คือ ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่อย่าง
จำกัด เช่นที่ดิน แร่ธาตุ เริ่มไม่เพียงพอที่จะสนองความต้องการของประชากรที่เพิ่มจำนวนขึ้นตลอดเวลาในขณะเดียวกัน ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดดังกล่าวยังเสื่อมสภาพลงเป็นลำดับ เช่น ดินเสื่อมคุณภาพ ป่าถูกทำลาย น้ำเสีย เป็นเหตุให้ประสิทธิภาพในการใช้ลดลง ทรัพยากรที่เคยถือว่ามีอยู่อย่างไม่จำกัด เช่น ทรัพยากรน้ำเริ่มขาดแคลนและเป็นปัญหา ความขาดแคลนทรัพยากรดังกล่าวทำให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบ แก่งแย่งกันในการดำรงชีวิต จนเมื่อปัญหามีความรุนแรงขึ้นมาก ๆ เป็นเหตุให้เกิดปัญหาด้านอาชญากรรมต่อไปได้
      3. การเพิ่มสูงขึ้นของระดับน้ำทะเล    ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นคือผลกระทบโดยตรงจากภาวะโลกร้อน เกิดจำนวนน้ำทะเลที่มีปริมาณมากขึ้นเพราะธารน้ำแข็งละลาย ก่อนหน้านี้คนทั่วไปมักเข้าใจผิดว่าที่น้ำทะเลสูงเป็นไปตามวัฐจักรของธรรมชาติ แต่จริงๆแล้วเกิดจากอุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ธารน้ำแข็งละลายอย่างรวดเร็วและส่งผลให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกขยับสูงขึ้น 1 นิ้วภายใน 10 ปี เป็นที่แน่นอนว่าภาวะโลกร้อนได้ส่งผลกระทบต่อทุกคนทั่วโลก โดยเฉพาะคนที่อาศัยอยู่บนพื้นที่ต่ำ มีการวิจัยออกมาว่า ภายใน 100 ปี น้ำทะเลจะหนุนขึ้นมาบนพื้นดินเป็นพื้นที่กว้าง ยกตัวอย่างเช่น ชายฝั่งตะวันออกของประเทศอังกฤษ ที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล



       การรุกล้ำของน้ำทะเลตามแนวชายฝั่ง
ประชาชนบางส่วนจะบริโภคน้ำจากหนองน้ำธรรมชาติที่มีอยู่ทั่วโลก แต่หนองน้ำหรือแม่น้ำเหล่านี้ได้ถูกทำลายอย่างต่ำเนื่องโดยน้ำทะเลที่หนุนขึ้นมาสู่พื้นดิน โดยเฉพาะบริเวณที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล เช่น แม่น้ำอินเดียน ซึ่งเป็นแม่น้ำที่เป็นศูนย์กลางของไร่ส้มโอที่มีชื่อเสียงของรัฐฟลอริดา ที่ถูกน้ำทะเลกลืนหายไปแล้ว และมีแนวโน้มว่า 50% ของพื้นที่เพาะปลูกในประเทศสหรัฐฯ ซึ่งเป็นพื้นทีต่ำ จะถูกน้ำทะเลกลืนหายไปในอนาคต ส่งผลให้ประชาชนชาวสหรัฐฯ ไม่สามารถเพาะปลูกวัตถุดิบในการประกอบอาหารได้
       น้ำทะเลกัดเซาะชายหาด
อีกหนึ่งผลกระทบที่เกิดจากระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นคือ น้ำทะเลจะกัดเซาะตลิ่งและชายหาดทั่วโลกเป็นบริเวณกว้าง ทำให้หาดทรายที่สวยงามถูกน้ำทะเลกัดเซาะ จนสร้างความเสียหายแก่แหล่งท่องเที่ยวประเทศต่างๆทั่วโลก และส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศริมชายหาดอย่างรุนแรง จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงเรื่อยๆ
       ภัยธรรมชาติที่รุนแรง
ผลกระทบสำคัญของภาวะโลกร้อนอีกกรณีหนึ่ง คือส่งผลให้เกิดภัยธรรมชาติที่รุนแรง และเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นพายุเฮอริเคน หรือ ทอร์นาโด ที่เพิ่มขึ้น 20-35% ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา หลังจากเกิดวิวัฒนาการด้านอุตสาหกรรม ซึ่งส่งผลให้เกิดความเสียหายอย่างมหาศาล เช่นผลกระทบจากพายุเฮอริเคน เฟย์ ที่ก่อให้เกิดมหาอุทกภัยในกว่า 12 รัฐทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา ที่เลวร้ายไปกว่านั้น ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นในปัจจุบันมีแนวโน้มว่าจะทวีความรุนแรงมากขึ้นในอนาคตอีกด้วย
       ฝนตกมากขึ้น
เมื่ออุณหภูมิของโลกสูงขึ้น ก็จะส่งผลให้ปริมาณน้ำที่ระเหยขึ้นสู่ท้องฟ้ามีมากขึ้น ทำให้ฝนตกบ่อยครั้งมากขึ้น เป็นเหตุให้เกิดมหาอุทกภัยในหลายพื้นที่ และทำให้กระแสน้ำสร้างความเสียหายให้แก่หลายพื้นที่ทั่วโลก หลายคนอาจมองว่า ฝนยิ่งตกบ่อย ยิ่งทำให้อุณหภูมิลดลง แต่ความจริงกลับเป็นตรงกันข้าม เนื่องจากไอน้ำที่ลอยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศจะขัดขวางกระบวนการสร้างความเย็นของโลกด้วยการกระทำที่เหมือนกับก๊าซเรือนกระจก ส่งผลให้สภาพอากาศของโลกเปลี่ยนแปลงแบบที่ไม่สามารถคาดเดาได้
       สภาพภูมิอากาศที่ไม่สม่ำเสมอ
การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เนื่องจากภาวะโลกร้อนถือเป็นเรื่องที่รุนแรงมาก และทำให้มนุษย์ไม่สามารถอยู่ได้ เนื่องจาก เชื้อโรคจะเจริญเติบโตเร็วขึ้นในบริเวณที่มีอุณหภูมิสูง ด้วยอุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้น ทำให้ธารน้ำแข็งที่ขั้วโลกเหนือมีขนาดเล็กลงถึง 50% ในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา เมื่อธารน้ำแข็งละลาย ก็จะเกิดภัยพิบัติต่างๆ เช่น น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำในทะเลสาบล้นท่วมพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง ก่อนที่จะเกิดภัยแล้งอย่างรุนแรงตามมา ภาวะโลกร้อนจะส่งผลให้ภูมิอากาศของโลกแปรปรวน การละลายอย่างต่อเนื่องของน้ำแข็งบนเทือกเขาหิมาลัย ทำให้น้ำในแม่น้ำคงคาซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญของคนกว่า 500 ล้านคน ทำให้แหล่งน้ำสำคัญของคนจำนวนมากไม่สะอาด และส่งผลเสียต่อคนเหล่านั้นในที่สุด
       น้ำแปรสภาพเป็นกรด    ในโลกของเรา มหาสมุทรคือแหล่งดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากชั้นบรรยากาศที่ใหญ่ที่สุดโดยที่น้ำจะทำการดูดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แล้วแปรสภาพเป็นกรด ก่อนที่จะแปรสภาพกลับมาเป็นน้ำธรรมดาอีกครั้งด้วยก๊าซออกซิเจนจากแนวปะการัง และหากแนวปะการัง ซึ่งเปรียบเสมือนบ้านของเหล่าสัตว์น้ำถูก
       ภัยแล้ง
แม้จะมีหลายพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมอย่างหนัก แต่ก็มีอีกหลายพื้นที่ทั่วโลกที่ต้องพบกับสภาพอากาศที่แห้งแล้ง จากอุณหภูมิที่สูงขึ้น และก่อให้เกิดไฟป่าที่รุนแรง ที่แย่ไปกว่านั้น ควันที่เกิดจากไฟป่าคือก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ทำลายชั้นบรรยากาศอีกด้วย ก่อนหน้านี้ มีการระบุว่า ไฟป่าเกิดขึ้นตามวัฏจักรของธรรมชาติเพื่อเป็นการทำลายต้นไม้เดิมแล้วต้นไม้ใหม่ๆจะเกิดขึ้นมาแทนที่ เพื่อเป็นการลดผลกระทบของภาวะโลกร้อน อย่างไรก็ตาม มนุษย์ได้ระบุว่าภาวะโลกร้อนคือสัญญาณ ของภัยพิบัติร้ายแรงของธรรมชาติ ที่พวกเราต้องตระหนักว่ามันไม่ใช่สิ่งที่คาดเดาได้ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต



                                                                             












       




บทที่  5
สรุป อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ
                                                                   
            รายงาน เรื่อง การตัดไม้ทำลายป่า สามารถสรุปและอภิปรายผลการดำเนินการ ดังนี้

สรุป
            การจัดทำรายงาน เรื่อง การตัดไม้ทำลายป่า สามารถสรุปได้ ดังนี้
1.   ในปัจจุบันได้มีการลักรอบตัดไม้ทำลายป่ามากขึ้นเพื่อในเรื่องของเศรษฐกิจ นำไปใช่เป็นวัสดุอุปกรณ์ต่างๆภายในบ้าน เป็นต้นจึงทำให้เกิดการมีน้ำป่าไหลหลากและอาจจะส่งผลให้เกิดภาวะโลกร้อนขึ้นได้
2.   ได้ทราบปัญหาจากการขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติ คือ ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่อย่าง
จำกัด เช่นที่ดิน แร่ธาตุ เริ่มไม่เพียงพอที่จะสนองความต้องการของประชากรที่เพิ่มจำนวนขึ้นตลอดเวลาในขณะเดียวกัน ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดดังกล่าวยังเสื่อมสภาพลงเป็นลำดับ เช่น ดินเสื่อมคุณภาพ ป่าถูกทำลาย น้ำเสีย เป็นเหตุให้ประสิทธิภาพในการใช้ลดลง ทรัพยากรที่เคยถือว่ามีอยู่อย่างไม่จำกัด เช่น ทรัพยากรน้ำเริ่มขาดแคลนและเป็นปัญหา ความขาดแคลนทรัพยากรดังกล่าวทำให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบ แก่งแย่งกันในการดำรงชีวิต จนเมื่อปัญหามีความรุนแรงขึ้นมาก ๆ เป็นเหตุให้เกิดปัญหาด้านอาชญากรรมต่อไปได้
        3. การเพิ่มสูงขึ้นของระดับน้ำทะเล ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นคือผลกระทบโดยตรงจากภาวะโลกร้อน เกิดจำนวนน้ำทะเลที่มีปริมาณมากขึ้นเพราะธารน้ำแข็งละลาย ก่อนหน้านี้คนทั่วไปมักเข้าใจผิดว่าที่น้ำทะเลสูงเป็นไปตามวัฐจักรของธรรมชาติ แต่จริงๆแล้วเกิดจากอุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ธารน้ำแข็งละลายอย่างรวดเร็วและส่งผลให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกขยับสูงขึ้น 1 นิ้วภายใน 10 ปี เป็นที่แน่นอนว่าภาวะโลกร้อนได้ส่งผลกระทบต่อทุกคนทั่วโลก โดยเฉพาะคนที่อาศัยอยู่บนพื้นที่ต่ำ มีการวิจัยออกมาว่า ภายใน 100 ปี น้ำทะเลจะหนุนขึ้นมาบนพื้นดินเป็นพื้นที่กว้าง ยกตัวอย่างเช่น ชายฝั่งตะวันออกของประเทศอังกฤษ ที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล









อภิปรายผล
            การจัดทำรายงาน เรื่อง การตัดไม้ทำลายป่า สามารถอภิปรายผลได้ ดังนี้

             1.ป่าไม้ของโลกและการใช้

ทั่วโลกมีป่าไม้ชนิดต่างๆครอบคลุมพื้นที่ราว ร้อยละ30ของพื้นดินทั้งหมด ป่าไม้เป็นระบบนิเวศที่ไม่มีการพัฒนาสูงสุดถึงจุดสมดุล ดังนั้นป่าไม้จึงเป็นระบบนิเวศที่รวมมวลชีวภาพไว้ได้มากมายหลากหลายที่สุด และเป็นแหล่งที่ผลิตพันธ์สัตว์ชนิดใหม่ๆได้เร็วและมีความหลากหลายสูงสุดด้วย

  2.ป่าที่ถูกทำลายทั่วโลก

ต้นไม้และป่าไม้เป็นทรัพยากรที่สร้างขึ้นใหม่ได้ถ้าหากจำนวนประชากรไม่มากเกินไป และการพัฒนาทางเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมเป็นแบบยั่งยืน การตัดไม้หรือการถางป่าไปบ้างก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ร้ายแรง แต่การที่ป่าซึ่งเป็นรับบนิเวศมหัศจรรย์ และอุดมสมบูรณ์ที่สุดถูกทำลายในอัตราสูง ได้กลายเป็นปัญหาที่น่าห่วง คุกคามต่อระบบนิเวศของโลกและความอยู่รอดของสิ่งมีชีวิตนับล้านๆชนิด ซึ่งย่อมต้องกระทบกระเทือนต่อคุณภาพชีวิตของมนุษย์ไม่มากก็น้อย
ในทวีปยุโรปเคยมีพื้นที่ป่าไม้ถึงร้อยละ80 ของพื้นที่ทั้งหมด แต่แล้วก็ค่อยๆถูกทำลายเพื่อใช้ในหารก่อสร้างและใช้เพาะปลูก จนถึงปัจจุบันป่าไม้ที่เหลืออยู่เหลือไม่ถึงร้อยละ14 นับว่าเป็นทวีปที่มีการตัดไม้ทำลายป่าสูงมาก
ในทวีปเอเซีย ป่าเขตร้อนถูกทำลายไปถึง50,000 ตร.กม. เมื่อปี2534 ประมาณกันว่าในปีพ.ศ. 2544 เนื้อที่ป่าไม้ที่ถูกทำลายในแต่ละที่ ใหญ่เท่ากับประเทศไทยเลยทีเดียว ประเทศฟิลิปปินส์สูญเสียป่าไม้ถึงร้อยละ 90 ของพื้นที่ป่าไม้ทั้งหมด พม่าก็กำลังตัดไม้อย่างขนานใหญ่เพื่อขายท่อนซุงแลกเงินตราต่างประเทศเช่นเดียวกับที่เขมรและลาวกำลังทำกันอยู่
          เมื่อราวๆ 90 ปีที่ผ่านมาพื้นที่ป่าของประเทศไทยมีอยู่ประมาณ 230 ล้านไร่หรือประมาณร้อยละ 72 ของพื้นที่ทั้งหมด นับว่าเป็นพื้นที่ป่าที่มีขนาดใหญ่มาก แต่เมื่อถึงพ.ศ. 2534 พื้นที่ป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์มีเพียง 18%
การอนุรักษ์ป่าไม้การอนุรักษ์ความสมบูรณ์ของป่ายังกระทำได้ด้วยการช่วยกันรักษาต้นไม้ที่เป็นโรค ป้องกันไฟป่า ป้องกันป่าจากมลพิษทางอากาศเช่นฝนกรดและปรากฏการณ์โลกร้อนไปจนถึงการประหยัดกระดาษและการนำกระดาษกลับมาใช้ใหม



ข้อเสนอแนะ
            การจัดทำรายงาน เรื่อง การตัดไม้ทำลายป่า มีข้อเสนอแนะดังนี้ ดังนี้
      1. การป้องกันไม่ให้ตัดไม้หรือป่าถูกทำลายโดยตรง เป็นมาตรการสำคัญในการอนุรักษ์ป่า เช่นในพ.ศ. 2517 สตรีในหมู่บ้านเรนี ทางตอนเหนือเขตประเทศอินเดียรวมตัวกันจัดตั้งขบวณการโอบกอด โดยเข้าโอบกอดต้นไม้ไว้ป้องกันไม่ให้บริษัททำไม้ตัดไม้ไป ปฎิบัติการเช่นนีสามารถรักษาป่าที่เป็นต้นน้ำลำธารในแถบนั้นเป็นเนื้อที่ได้ถึง12,000 ตารางกิโลเมตร ในบางพื้นที่ของประเทศไทยก็มีการ"บวช" ต้นไม้โดยใช้ผ้าเหลืองมาพันรอบป้องกันไม่ให้ผู้คนมาตัดฟันกิ่งไม้ไป
     2. การคัดค้านการสร้างเขื่อนใหญ่ และการตัดถนนผ่านป่าก็มีส่วนช่วยรักษาเนื้อที่ป่าบริเวณกว้างไว้ได้ ซึ่งได้มีการกระทำกันทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย
     3. การจัดการและการอนุรักษ์ป่าที่ดีนั้นรัฐบาลต้องมีนโยบายป่าไม้และนโยบายการใช้ที่ดินที่ถูกต้อง
ชัดเจน การเรียกร้องให้รัฐบาลมีนโยบายอย่างเข้มงวดนั้น ก็จะช่วยอนุรักษ์ป่าได้มากทีเดียว
     4. การปลูกไม้ทดแทนถ้าเราปลูกต้นไม้เท่ากับจำนวนต้นไม้ที่มาตัดไปบางทีเราอาจรักษาพื้นที่ป่าไว้ได้แต่ประเทศกำลังพัฒนาอย่างเรา โดยเฉลี่ยแล้วการปลูกต้นไม้ 1 ต้น ต่อการตัด 10 ต้น ป่าไม้จึงถูกทำลายไปอย่างรวดเร็ว
     5. การปลูกไม้ทดแทนไม้ที่ตัดไปสามารถกระทำได้ในทุกพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นป่าอนุรักษ์เช่นการปลูกป่าในเขตต้นน้ำลำธารที่มีการตัดไม้ไป การปลูกในพื้นที่ที่ถูกภัยธรรมชาติเช่นไฟไหม้ การปลูกต้นไม้ในสวนป่าทั้งของรัฐและเอกชน ตลอดจนในป่าชุมชน
     6.ประหยัดกระดาษไม่ใช้ผลิตภัณฑ์กระดาษถ้าไม่จำเป็นเรียกร้องให้หาวิถีทางนำกระดาษที่ใช้แล้วกับมาใช้ใหม่ให้มากขึ้นหรือนำมาใช้ประโยชน์อื่นๆอีก
     7. ถ้าหากไปท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติ หรือเขตธรรมชาติอื่นๆอย่าทำลายสิ่งมีชีวิตหรือเคลื่อนย้ายสภาพธรรมชาติ เก็บขยะทั้งหมดของตนติดมาด้วย อย่าทิ้งไว้ในบริเวณนั้น
     8. ริเริ่มหรือเข้าร่วมโครงการปลูกต้นไม้ เข้าร่วมโครงการอนุรักษ์ป่าไม้และชีวิตในธรรมชาติ ต่อสู้พิทักษ์ป่าเช่นร่วมคัดค้านการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ที่ทำลายป่าไม้ และแหล่งที่อยู่อาศัยของพันธ์พืช และสัตว์ป่า
     9. เขียนจดหมายถึงผู้แทนราษฎรให้ช่วยกัน อนุรักษ์ป่า เช่นดูแลการบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่
    10. อย่าซื้อผลิตภัณฑ์ที่เป็นงาช้าง ขนสัตว์หรือผลิตภัณฑ์จากสัตว์ป่าอื่นๆ
    11. ไม่ซื้อสัตว์ป่ามาเลี้ยง เพราะว่าสัตว์ป่ากว่าจะถึงร้านค้าต้องมีการล่า และทำลาย หรือมีการล้มตายก่อนหน้านั้นเป็นจำนวนมาก สัตว์ป่าเหล่านั้นเมื่อเลี้ยงจนโตแล้วก็ยิ่งดูแลยากลำบาก





บรรณานุกรม

รายชื่อหนังสือ

สาขาวิชาเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา “5.1.2 ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมประมวลทั่วไป สาระชุดวิชาการสังคมศึกษาและการเกษตร หน่วยที่ 1-7 พิมพ์ครั้งที่ 15 กรุงเทพฯ :สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยบูรพา,2552. หน้า 244. ISBN 974-645-258-4
        หนังสือความรู้เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม โดย ภัทรวรรณ วันทนชัยสุข    
                                                                         
รายชื่อ web